ต้อกระจกหรือการมองเห็นภาพขุ่นมัวส่งผลให้กันมองเห็นไม่ชัดเจน สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น อุบัติเหตุ บุหรี่ แสงยูวี หรือดวงตาได้รับการกระทบกระเทือน แต่จะมีรายละเอียดเป็นยังไ งอาการเป็นแบบไหน ใช้วิธีอะไรในการรักษาเราจะพาไปดู
ต้อกระจกเกิดจากอะไร
สาเหตุของการเกิดต้อกระจกมีอยู่ด้วยกันหลายประการ ได้แก่
1. อุบัติเหตุหรือดวงตาได้รับความกระทบกระเทือน
เนื่องจากการได้รับอุบัติเหตุส่งผลต่อเนื้อเยื่อภายในลูกตาหลายส่วน เช่น เลนส์ตาเคลื่อน จอตาฉีกขาด จอตาช้ำ กลายเป็นสาเหตุให้การมองเห็นลดลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต้อกระจกได้ง่ายขึ้น
2. แสงยูวีหรือแสงอัลตร้าไวโอเลต
มีส่วนสำคัญทำให้เสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจกได้ง่ายหากได้รับในปริมาณมากเกินไป
3. การรักษาด้วยยาบางชนิด
โดยเฉพาะยากลุ่มสเตียรอยด์หรือการฉายรังสีเป็นเวลานานล้วนมีความเสี่ยงทำให้เกิดต้อกระจกมากขึ้นทั้งสิ้น
4. สูบบุหรี่
โดยมีผลมาจากสารพิษในควันบุหรี่ที่เข้าสู่ร่างกายผ่านเส้นเลือดและหล่อเลี้ยงมายังดวงตา จนทำให้ดวงตาเริ่มสูญเสียการมองเห็นหรือการมองเห็นลดลงจากสารพิษดังกล่าว
อาการ
สำหรับอาการของผู้ป่วยต้อกระจกหลัก ๆ สามารถแบ่งได้ทั้งหมด 4 ระยะ ได้แก่
ระยะที่ 1
แก้วตาเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง สามารถสังเกตได้จากความสามารถในการมองเห็นลดลง เห็นแสงสะท้อนไฟจนรบกวนการมองเห็นหรือดวงตาเมื่อยล้าง่าย
ระยะที่ 2
ต้อกระจกมีความขุ่นไม่มากแต่เริ่มขยายวงกว้างจากกลางดวงตา สามารถสังเกตได้จากการมองเห็นเริ่มพร่ามัวบดบังทัศนียภาพเบื้องหน้า แนวทางการรักษาแพทย์จะแนะนำให้ใช้แว่นตาที่มีคุณสมบัติตัดแสงสะท้อน
ระยะที่ 3
ต้อกระจกมีความขุ่นสูงโดยเริ่มกระจายไปทั่วทั้งแก้วตา ส่งผลให้การมองเห็นไม่ชัดเจนและกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แนวทางการรักษาแพทย์จะแนะนำให้ทำการผ่าตัด
ระยะที่ 4
ต้อกระจกขุ่นและสายตามัวกว่าระยะที่ 3 ซึ่งถือว่าเป็นระยะอันตรายที่สุดและควรได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน หากปล่อยเอาไว้อาจพัฒนากลายเป็นต้อหินและส่งผลให้การผ่าตัดทำได้ยากขึ้น
แนวทางการรักษาต้อกระจก
หลัก ๆ มีอยู่ด้วยกัน 2 แนวทางได้แก่
- การรักษาแบบผ่าตัด วิธีคือแพทย์จะทำการผ่าตัดนำเลนส์แก้วตาที่มีความขุ่นออก ก่อนจะนำแก้วตาเทียมใส่แทน ส่วนวิธีการผ่าตัดมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 วิธีได้แก่ผ่าตัดลอกต้อกระจก ผ่าตัดต้อกระจกแผลใหญ่ และผ่าตัดสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
- การรักษาแบบไม่ผ่าตัด แนวทางในการรักษาขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของผู้ป่วยแต่หลัก ๆ จะใช้สำหรับผู้ป่วยต้อกระจกในระยะแรก ๆ เท่านั้น
และสุดท้ายวิธีการรับมือกับต้อกระจกที่ดีที่สุด คือการป้องกันแม้จะไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่เพิ่มความมั่นใจได้ว่าสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจกให้น้อยลงได้ด้วยการเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การหลีกเลี่ยงการใช้สายตาเป็นระยะเวลานาน เป็นต้น